ฝึกตัวเองให้เป็นคนใจเย็น เพราะนั่นคือวิถีของคนฉลาด

ฝึกตัวเองให้เป็นคนใจเย็น เพราะนั่นคือวิถีของคนฉลาด

“คนใจเย็น” คือ คนที่ระงับความโกรธ ความเครียดของตัวเองได้ และความวิตกกังวลนั้นเป็นตัวการที่ทำให้เราโมโหได้ เมื่อคุณโมโหขึ้นมา การควบคุมอารมณ์ของตัวเองนั้นอาจจะเป็นไปไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม คุณสามารถสอนตัวเองให้ใจเย็นลงได้ 

1.เข้าหูซ้ายทะ ลุหุขวา

อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ เพราะปกติแล้วคำว่า ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา นั้นเขาใช้

เปรียบเปรยคนที่ฟังอะไรแล้วไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่รับความคิดใหม่ๆ เข้ามาแต่

ตอนนี๊ผมกำลังหมายถึง ถ้าเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้ว การฟังแบบเข้าหูซ้ายทะ ลุหูขวานั้น นับเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้เราไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ใครกล่าวมา

2.รู้เขารู้เรา

บางครั้งแค่เราลองมองใส่ใจนิสัยของคนรอบข้างบ้าง ก็สามารถที่จะทำให้เราอยู่

ร่วมกันในสังคมได้อย่างไม่ຢากเย็น แต่เราจะต้องรู้จักระงับสติอารมณ์ของเราด้วยเพราะเมื่อเราทราบแล้วว่าเขาเป็นคนแบบนี๊ หากเรารับนิสัยเขาไม่ได้ ก็ให้

อยู่ห่างๆ เข้าไว้เป็นดีที่สุด จะได้ไม่ต้องมีเรื่องมีราวกัน

3.กินอย่างมีสติ

บางครั้งเราก็ทานไปด้วยคุยโทรศัพท์ไปด้วย บางครั้งก็ทานไปด้วยดูจอทีวี จอ

มือถือไปด้วย แล้วครั้งสุดท้ายที่ทานอาหารทีละคำ รับรสชาติ แล้วขอบคุณอาหารในมื้อนั้น คือเมื่อไหร่กันหรือ

4.ตื่นอย่างมีสติ

แทนที่จะตื่นมาแล้วเช็คข่าวสารจากโซเชียลมีเดียเป็นสิ่งแรกของวัน ให้เวลาตัว

เองซัก 5 ถึง 10 นาที นั่งสมาธินิ่งๆ ก่อนจะรับข่าวสารอื่นๆ เพื่อช่วยให้การเริ่มต้นวันใหม่เป็นไปอย่างมั่นคงในอารมณ์

5.ทำงานอย่างมีสติ

ท่ามกลางมรสุมงาน และการติดต่อผู้คนมากมายตลอดวัน เราก็สามารถ ฝึกสติรู้

เนื้อรู้ตัวได้ง่ายๆ เพียงหลับตาลงหายใจเข้าและออกลึกๆสัก5 รอบลมหายใจ

โดยให้สติตามลมหายใจ โดยไม่คิดเรื่องอื่น แล้วค่อยกลับไปโฟกัสกับงานตรงหน้าใหม่อีกครั้ง

6.เดินอย่างมีสติ

เดินไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างขอบคุณร่างกายที่ยังมี

กำลังมากพอให้สามารถเดินได้ ขอบคุณถนนหนทางที่สะดวกสบายมากพอจนเดินก้าวไปได้ และเดินด้วยใจกรุณาด้วยความรู้สึกว่า อยากสร้างแต่รอย ย่ำอันงดงามให้กับโลกใบนี๊

7.ขอโทษ

หากเราทำผิด การใช้คำว่าขอโทษนั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด ไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าเราจะต้องเอ่ยคำขอโทษ เพราะคำคำนี๊ไม่ได้ทำให้ศักดิ์ศรีของเราตกต่ำ

ลง หากแต่เป็นการรู้จักยอมรับในสิ่งที่ตนเองผิดต่างหากอีกทั้งยังจะทำให้

สถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ คลี่คลายลงได้ อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรใช้คำขอโทษอย่ างพร่ำเพรื่อเพราะจะทำให้ติดเป็นนิสัยที่ไม่ดี ทำอะไรก็ไม่ระมัดระวัง

8.ปล่อยวางไม่ยึดติด

ปัญหาที่เกิดขึ้นนทุกวันนี๊ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะคนเรามีอัตตามากเกินไป หากเรา

ลองเปลี่ยนความคิดไม่ยึดติดกับตัวตน แล้วลองคิดว่า สุดท้ายวันหนึ่งเราก็ต้อง แตกดับและสลายไป วนเวียนเป็นวัฏจักรเช่นนี๊เรื่อยไปเพราะฉะนั้น ถ้าเรายอมรับ

กับวัฏจักรแห่งการเกิดดับนี๊แล้ว ไม่ว่าเรื่องใดๆ ก็คงเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

9.สนทนาอย่างมีสติ

ฟังอย่างตั้งใจ ฟังโดยไม่คิดตัดสินคู่สนทนา เปลี่ยนสภาพตัวเองให้เป็นเหมือนภาชนะว่างเปล่าที่พร้อมรับฟังบุคคลตรงหน้า ขณะที่เมื่อพูดก็ตระหนักถึงความ

งดงามของความสัมพันธ์ระหว่างคุณและคู่สนทนาสื่อสารด้วยความรัก ด้วยความหวังดีด้วยใจที่อยากจะสร้างสรรค์ความหมายดีๆ ระหว่างกัน

10.คิดมากไปหรือเปล่า

อาการคิดมากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคได้ ยิ่งอากาศร้อนๆ ยิ่งเหตุการณ์อะไรๆ ก็ไม่เป็นใจด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ร้อนรน เมื่อเกิดเรื่องก็จะยิ่งเก็บมาคิดจนไม่

เป็นอันกินอันนอนลองเปลี่ยนจากความคิดเรื่องแย่ ๆ เปลี่ยนเป็นคิดเรื่องดีๆบ้าง

สิครับ เพราะความคิดนั้นเป็นตัวกำหนดวิถีชีวิตของเราไม่เชื่อลองทำดูคิดดีทำดีเท่านี๊พอ

 

 

ใส่ความเห็น

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า