ทุกวันนี้คนดีอยู่ยากสละเวลา 1 นาทีเตือนสติดีมาก
ทุกวันนี้คนดีอยู่ยากสละเวลา 1 นาทีเตือนสติดีมาก
นักบวชนั่งสมาธิอยู่ริมฝั่ง ในท่ามกลางความเงียบ ได้ยินเสียงสั่นไหวเบาๆในน้ำ ลืมตาดูก็พบว่าเป็นแมงป่องตัวหนึ่งกำลังตะเกียกตะกายอยู่บนบริเวณผิวน้ำใกล้ฝั่ง
เขาเอื้อมมือออกไปจับเอาแมงป่องขึ้นมาจากน้ำ โดนแมงป่องต่อยที่มือ เขาวางมันลงบนพื้น นั่งสมาธิต่อ
ผ่านไปครู่ใหญ่ๆก็ได้ยินเสียงแบบเดียวกันอีก ลืมตาดูก็พบว่าแมงป่องตัวเดิมหล่นไปอยู่ในน้ำเขายื่นมือออกไปช่วยเหมือนเดิม และก็ยังโดยต่อยเหมือนเดิมไม่กี่อึดใจผ่านไป เหตุการณ์แบบเดิมก็เกิดขึ้นอีกไม่ผิดเพี้ยนตั้งแต่ต้นจนจบ
ชาวบ้านที่นั่งตกปลาอยู่แถวนั้นทนไม่ไหว “ท่านจะโง่ไปหน่อยไหม ไม่รู้หรือว่าแมงป่องชอบต่อยคน”
นักบวชตอบว่า “ทราบครับ โดนต่อยไปแล้วสามครั้ง”
ชาวบ้านถามต่อ “แล้วยังจะช่วยมันอีกทำไม”
นักบวชตอบว่า “การทำร้ายคนอื่นอาจเป็นนิสัยของแมงป่อง แต่ความเป็นคนมีเมตตาจิตเป็นนิสัยของข้า นิสัยข้าจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเพียงเพราะนิสัยดุร้ายของแมงป่อง”และในเวลาเดียวกันนั้นเอง เสียงแบบเดิมก็เกิดขึ้นอีกกับแมงป่องตัวเดิมเป็นครั้งที่สี่
นักบวชมองดูมือที่บวมเป่งของตน แต่ก็ยังจะยื่นมือไปช่วยแมงป่องเหมือนเดิมโดยไม่ลังเลชาวบ้านรีบยื่นกิ่งไม้แห้งมาใส่มือเขา นักบวชจึงใช้กิ่งไม้นั้นช่วยแมงป่องขึ้นมาได้อีกครั้ง
ชาวบ้านหัวเราะ “ความเมตตาเป็นเรื่องดีงาม แต่ถ้าจะเมตตาต่อแมงป่อง ก็ต้องรู้จักเมตตาต่อตัวเองเหมือนกัน และการจะหยิบยื่นความเมตตาให้คนอื่น ก็ต้องรู้จักมีวิธีการที่เหมาะสม”
“ควรจะต้องรู้จักปกป้องตนเองก่อน ก่อนที่จะยื่นมือช่วยเหลือผู้อื่น”
อ่านจบแล้วซาบซึ้งกับประโยคสามสี่ประโยคในเรื่อง
“นิสัยความมีเมตตาจิตของเราจะไม่เปลี่ยนไป เพียงเพราะนิสัยดุร้ายของคนอื่น”
“การจะหยิบยื่นความเมตตาให้คนอื่น ก็ต้องรู้จักมีวิธีการที่เหมาะสม”
“ความเมตตาเป็นเรื่องดีงาม แต่ถ้าจะเมตตาต่อแมงป่อง ก็ต้องรู้จักเมตตาต่อตัวเองเหมือนกัน”
“ควรจะรู้จักปกป้องตัวเอง ก่อนที่จะยื่นมือช่วยคนอื่น” ทำให้รู้สึกเหมือนถูกตอกย้ำว่า
“ทุกวันนี้ คนดีอยู่ยาก”
ในสังคมที่ดี คนดีจะวางตัวง่าย เขาจะถูกยกย่อง ถูกปกป้อง เพราะผู้คนส่วนใหญ่เป็นคนดีด้วยกัน